--กล้อง Super Compact แบบ Full Spec อันทรงพลังด้วยเซ็นเซอร์ภาพ Foveon ขนาดใหญ่ของกล้อง DSLR
----ความละเอียดสูงถึง 14 ล้านพิกเซล ภายใต้ขนาดบอดี้ที่กะทัดรัด คลาสสิก สวยงาม
----หลังจากที่บริษัท Sigma ได้คิดค้นเซ็นเซอร์ภาพ Foveon X3 ที่มีแนวคิดในการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์และมีประสิทธิภาพในการถ่ายทอดรายละเอียดภาพออกมาได้อย่างน่าทึ่ง โดยเฉพาะเรื่องของความสมจริงและการไล่โทนภาพที่นุ่มนวลงดงาม โดยได้ถูกบรรจุเอาไว้ในกล้อง DSLR รุ่น SD 14 ซึ่งเป็นกล้องระดับมืออาชีพของ Sigma ที่มีประสิทธิภาพสูง และให้ผลลัพธ์เป็นภาพถ่ายอันน่าทึ่ง โดยเฉพาะไฟล์ภาพขนาดใหญ่คุณภาพสูง ถึงแม้ว่าระบบการทำงานต่างๆ ของตัวกล้อง และเวลาในการประมวลผลภาพอาจจะยังทำงานได้ไม่รวดเร็ว เมื่อเทียบกับกล้อง DSLR ระดับมืออาชีพของคู่แข่ง แต่ก็ต้องยอมรับว่ากล้อง SD14 นี้สร้างความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นในวงการถ่ายภาพแบบดิจิทัลได้อย่างน่าประทับใจ
----กล้อง Sigma DP-1 ได้รับอิทธิพลโดยตรงมาจากกล้องถ่ายภาพคุณภาพสูงแบบเรนจ์ฟายเดอร์ (Rangefinder Cameras) ทั้งในด้านรูปทรงของตัวกล้องที่เรียบง่ายแบบทรงกล่องสี่เหลี่ยมเรียบๆ ปราศจากเส้นสายที่โค้งมน หรือกริปมือจับที่ยื่นออกมาจากตัวกล้อง รวมถึงการออกแบบแป้นหมุนปรับโหมดถ่ายภาพหลักที่มีขนาดใหญ่ โดดเด่นด้วยการเซาะร่องด้านข้างโดยรอบเป็นแนวตั้ง ที่นอกจากจะช่วยกันลื่นได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังให้ความรู้สึกที่ดีในการหมุนปรับเช่นเดียวกับการหมุนแป้นปรับความเร็วชัตเตอร์ของกล้องฟิล์มที่มีราคาแพง เช่นเดียวกับการเลือกใช้เลนส์มุมกว้างคุณภาพสูงแบบทางยาวโฟกัสเดี่ยว (Fixed focal length) ทั้งยังเน้นเรื่องของคุณภาพในการประกอบ และวัสดุที่ถูกนำมาใช้ในการผลิตตัวกล้องมีความแข็งแรงทนทาน
----กล้องคอมแพคท์ตัวเล็กหัวใจ DSLR
กล้อง Sigma DP-1 ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีโดยตรงมาจากกล้องรุ่น SD14 ซึ่งเป็นกล้องถ่ายภาพแบบ DSLR ระดับมืออาชีพ โดยทาง Sigma ได้ตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน นั่นคือการจับเอาเซ็นเซอร์ภาพ Foveon X3 ความละเอียดถึง 14 ล้านพิกเซล แบบเดียวกับที่ถูกบรรจุไว้ในกล้อง DSLR รุ่น SD14 ทำให้กล้อง DP-1 กลายเป็นกล้องแบบคอมแพคท์ที่ไม่เพียงมีเซ็นเซอร์ภาพคุณภาพสูง ซึ่งมีขนาดใหญ่ถึง 20.7x13.8 มม. ซึ่งจัดได้ว่ามีขนาดใหญ่มากกว่าเซ็นเซอร์ของกล้องแบบคอมแพคท์ในท้องตลาดทั่วไป 7-12 เท่า และ กล้อง DP-1 ยังเป็นกล้องที่มีการใช้เซ็นเซอร์ที่ล้ำสมัยแบบ FoveonX3 ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นแตกต่างไปจากการทำงานของเซ็นเซอร์ภาพตามปกติทั่วไปที่ใช้ระบบเบเยอร์ (Bayer) ที่แต่ละพิกเซลจะมีชั้นสีซ้อนกันเป็นชั้นๆ แต่ระบบ Foveon X3 นี้จะใช้หลักการเรียงตัวของเม็ดสีไวแสง (Colour Sensing Pixels) จำนวนมากมาจัดวางเรียงแยกออกเป็นชั้นๆ ได้แก่ ชั้นเซ็นเซอร์ไวแสงสีน้ำเงิน สีเขียว และสีแดง ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับการเรียงตัวของชั้น ไวแสงในฟิล์มถ่ายภาพนั่นเอง ทำให้มีการบันทึกสีสันต่างๆ ได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์สมจริง รวมถึงระบบประมวลภาพ “TRUE” รุ่นล่าสุดให้มีการตอบสนอง และมีประสิทธิภาพการทำงานที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ทาง Sigma ยังได้ออกแบบเลนส์มุมกว้างคุณภาพสูงที่มีช่องความยาวโฟกัสขนาด 28 มม. (เทียบเท่า) โดยมีช่องรับแสงกว้างสุดขนาด f/4 โดยมีขนาดของชิ้นเลนส์พิเศษแบบแอสเฟอริคัล (A spherical glass) ที่ค่อนข้างใหญ่ (14.5 มม.) ซึ่งช่วยในการถ่ายทอดรายละเอียดภาพได้อย่างเต็มที่ และยังให้ค่าความเปรียบต่างที่ชัดเจนคมชัดทั่วทั้งภาพ
----คุณสมบัติถ่ายภาพแบบพอเพียงแต่สมบูรณ์แบบ
กล้อง DP-1 ถูกออกแบบให้มีการใช้งานที่เรียบง่าย แต่มีประสิทธิภาพด้วยโหมดถ่ายภาพที่มีให้เลือกใช้แบบมาตรฐานทั่วไป เช่นเดียวกับที่กล้องระดับมืออาชีพควรมี โดยมีโหมดการเปิดรับแสงแบบอัตโนมัติทั้งหมด (Auto Mode) โหมดโปรแกรม AE แบบ Program Shift ที่ผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนค่าการเปิดรับแสงจากที่กล้องได้เลือกค่าให้ ซึ่งยังคงได้ภาพที่มีค่าเปิดรับแสงถูกต้องอยู่เช่นเดิม โหมดปรับตั้งช่องรับแสง (Aperture Priority) โหมดปรับตั้งความเร็วชัตเตอร์ (Shutter Priority) และโหมดแมนวล (M) ที่สามารถใช้งานได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับการปรับโฟกัสแบบแมนวล (MF) ที่ใช้งานง่าย สะดวก แม่นยำ และตรงไปตรงมา ด้วยการใช้แป้นหมุนปรับโฟกัสขนาดใหญ่ที่ถูกแยกเอาไว้โดยเฉพาะทางด้านหลังตัวกล้อง พร้อมตัวเลขแสดงระยะโฟกัสบนตัวแป้นปรับขนาดใหญ่เห็นได้ชัดเจน ควบคู่ไปกับที่กล้องจะแสดงสเกลบอกระยะโฟกัสขึ้นบนจอ LCD ให้เห็นอย่างชัดเจน ทำให้ง่ายต่อการปรับโฟกัส ทั้งยังสามารถขยายขนาดภาพบนจอ LCD ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นได้ทันที เพื่อตรวจเช็คจุดที่โฟกัสว่ามีความชัดเจนได้อย่างมั่นใจจากจอ LCD ขนาด 2.5 นิ้วที่ให้ภาพคมชัด แต่อาจจะมีโทนสีสันที่เป็นกลาง มีสีสันไม่จัดจ้าน เช่นเดียวกับที่มักจะพบจากกล้องคอมแพคท์ทั่วๆ ไป
----กล้อง DP-1 นั้นไม่เน้นในส่วนของลูกเล่นหรือฟังก์ชันเสริมพิเศษซึ่งมักจะถูกบรรจุไว้เพื่อเอาใจผู้ใช้ทั่วๆ ไป อย่างเช่น โหมดตรวจจับใบหน้า โหมดแฟลชอันล้ำสมัย รวมถึงระบบป้องกันภาพสั่นไหว จะมีก็เพียงแต่การเตือนกล้องสั่นไหวซี่งอาจเกิดขึ้นจากความเร็วชัตเตอร์ที่ต่ำมากเกินไปจากสัญลักษณ์ที่ขึ้นบนจอ LCD เท่านั้น ลูกเล่นที่มีประโยชน์ในการถ่ายภาพที่ DP-1 มีให้ก็คือ โหมดถ่ายภาพคร่อมอัตโนมัติ ระบบชดเชยค่าการเปิดรับแสง และโหมดบันทึกภาพพร้อมเสียงควบคู่ไปกับการบันทึกภาพที่ทำได้นานถึง 10 วินาที หรือจะทำการบันทึกเสียงแต่เพียงอย่างเดียวก็ได้
กล้อง DP-1 ยังมีขาเสียบแฟลช (Hot Shoe) ต่างหากบนตัวกล้อง ที่สามารถใช้กับแฟลชเฉพาะกิจรุ่น EF-140 ในกรณีที่ต้องการไฟแฟลชที่แรงมากกว่าแฟลชแบบ Built-in ที่ถูกซ่อนเอาไว้อย่างแนบเนียน บริเวณด้านบนของกล้อง ซึ่งจะเปิดใช้งานได้ก็ต่อเมื่อผู้ใช้ดันสวิตช์เพื่อเปิดใช้งานเท่านั้น
กล้อง Sigma DP-1 จึงเป็นกล้องที่ถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกล้องถ่ายภาพขนาดเล็ก มีความเรียบง่ายในการใช้งาน ควบคู่ไปกับประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยม ของเซ็นเซอร์ภาพ Foveon ที่มีขนาดใหญ่มากกว่ากรณ์กล้องคอมแพคท์ทั่วไปหลายเท่า และมีการถ่ายทอดสีสันได้อย่างน่าทึ่ง ซึ่งต้องขอตบมือดังๆ อีกครั้งให้กับบริษัท Sigma ที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ออกสู่ท้องตลาดอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด
2008-08-26
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment